Brand แบบ Normal Guy กำลังมา? กรณีศึกษา: พระมหาเทวีเจ้า |
นาทีนี้ คิดว่าไม่น่าจะมีชาวโซเชียลคนไหน ไม่รู้จัก "พระมหาเทวีเจ้า" หรือ "หญิงลี" เจ้าของเพจ VEEN ผู้ซึ่งได้รับการอวยยศ (ด้วยตัวเอง) ว่าเป็นพระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ ถึงขนาดมีปรากฏการณ์ "หัวลำโพงแตก" เพราะชาวเยาวรุ่นเมืองทิพย์แห่แหนกันมาเฝ้ารับการมาเยือนของพระมหาเทวี ที่เสด็จโดยรถไฟมาจากปัตตานี ถึงหัวลำโพงในวันหนึ่ง ไหนจะปรากฏการณ์พารากอนแตก เพราะการไปปรากฏตัวของพระมหาเทวีเจ้าในวันนั้น
.....ความยิ่งใหญ่แบบไม่ได้จัดตั้งเหล่านั้น เกิดจากอะไร ถ้ามองจากมุมมองของเรื่อง Storytelling และการสร้าง Brand??
ย้อนกลับไปไม่นานนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นคลิปของ "หญิงลี" พระมหาเทวีไปหนีบผมที่ร้านทำผม รวมถึงการขี่รถจักรยานยนต์ไปโน่นมานี่ เดินป่า ถือจอบเสียม ฟันก้านต้นบอนเอามาแกงกับปลาช่อนที่หน้าบ้านชั้นเดียวริมทางที่ต่างจังหวัด การแต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ผิวสีแทน (แทนมากแทนน้อยก็แล้วแต่ส่วน) การพูดจาตรงไปตรงมา ใช้คำราชาศัพท์ปะปนกับคำธรรมดา พูดง่ายๆคือ ทุกอย่างที่ถูกนำเสนออกมานั้น มีความแสนธรรมดาอยู่ทั้งหมดครับ ทุกสิ่งรวมเป็นเนื้อเดียวกันที่สื่อสาร "ความธรรมดา" ดังกล่าว ออกมาผ่านโลกโซเชียลทั้งทางเพจ และการแชร์ของผู้คน
ถ้ามองในเรื่องการเล่าเรื่อง ทุกองค์ประกอบที่อยู่ในนี้ ทั้ง 5Ps ไม่ว่าจะเป็น
People: ตัวหญิงลีเอง การแต่งตัว หน้าตา รูปร่าง ผิวพรรณ รวมถึงผู้คนรอบข้าง
Place: บ้าน สถานที่ ถนน ป่า หญ้า บึงน้ำ ครัวหน้าบ้าน
Plot: ขีวิตประจำวัน การไปร้านทำผม ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน แกงบอนกินกับปลาช่อนที่หามาจากนา
Point: ประเด็นที่พูดถึงในแต่ละคลิป ไม่มีอะไรซับซ้อน เข้าใจยาก ตรงไปตรงมา ง่าย ไม่ต้องแปล
Perspective: คิดอะไรก็ว่าไปแบบนั้น มองโลกอย่างคนธรรมดาคนนึงมอง ไม่ต้องวิชาการ ไม่ประดิษฐ์
องค์ประกอบในการเล่าเรื่อง (Storytelling) ทั้งหมดนั้น ทำให้เกิด Brand Archetype หรือบุคลิกของแบรนด์ทั้งหลักและรองขึ้นมาพร้อมๆกัน นั่นคือ Normal Guy (คนธรรมดา) และ Jester (ผู้สร้างเสียงหัวเราะ) จนเหมือนว่าจะเป็น "สูตรสำเร็จ" สำหรับการสร้าง Brand จากตัวบุคคลไปแล้วในเวลานี้
-----------------------------------------------------------
Normal Guy Archetype ลักษณะบุคลิกภาพของแบรนด์แบบคนธรรมดา คือทั้งหมดที่ถูกสื่อสารออกมาผ่านทุกองค์ประกอบการเล่าเรื่องของ "พระมหาเทวีเจ้า" ลักษณะบุคลิกภาพแบรนด์แบบนี้ ทำให้เกิดการเข้าถึงได้ไม่ยากจากบุคคลทั่วไป มีความถ่อมตน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ต้องการยอมรับจากผู้คน พูดจาภาษาธรรมดา คิดพูดตรงไปตรงมา ไม่ประดิดประดอยให้ต้องเข้าใจยาก ลักษณะบุคลิกแบรนด์แบบ Normal Guy มีข้อดีที่เห็นชัดเจนมากคือ ผู้คนไม่ต้อง "ทลายกำแพง" เพื่อเข้าไปหาแบรนด์ครับ แบรนด์สามารถสร้าง Engagement ได้ง่าย เพราะคน "กล้า" ที่จะเข้าไปหาแบรนด์ อีกทั้งยังสามารถทำให้เกิด Target Audience ได้ในวงกว้างอีกด้วยครับ ข้อจำกัดของลักษณะบุคลิกแบรนด์แบบนี้ อาจจะเป็นเรื่องของราคา หรือรายได้ที่อาจจะต้องอาศัยเวลาในการพัฒนาขึ้นไปครับ เพราะเนื่องจาก Brand มีการเล่าเรื่องให้เข้าถึงง่าย เป็้น "คนธรรมดา" จึงอาจจะไม่สามารถนำเสนอสิ่งที่เป็น Niche Market ได้มากนัก
----------------------------------------------------------
Jester คืออีกบุคลิกแบรนด์หนึ่งที่อยู่ใน "พระมหาเทวีเจ้า" นั่นคือ ผู้สร้างเสียงหัวเราะ สร้างความบันเทิงให้แก่ผู้คน อยากให้มีสีสัน จึงสร้างสีสันนั้นขึ้น ผ่านการกระทำ การพูดจา รวมถึงบทสนทนาต่างๆ (แบบธรรมชาติอย่างที่กล่าวไปนะครับ) ซึ่งบุคลิกแบรนด์ลักษณะนี้ ก็ยิ่งส่งเสริมให้ความเป็น Normal Guy ชัดเจนขึ้น เพราะแน่นอนว่า เมื่อมีการสร้าางเสียงหัวเราะได้ ก็ยิ่งทำให้ผู้คนกล้าที่จะเดินเข้าหาแบรนด์ และไปมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างสนิทใจขึ้นด้วยครับ เรียกว่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็เข้าไปหาแบรนด์ได้ (Brand ลักษณะนี้ มักจะง่ายต่อการคิดถึงก่อนแบรนด์อื่นๆ ในหมวดเดียวกัน เช่น McDonald's หรือ Coke เพราะนำเสนอ "ความสุข" ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ)
-----------------------------------------------------------
แต่การผสานกันระหว่าง Normal Guy และ Jester ไม่ได้เกิดที่ "พระมหาเทวีเจ้า" คนเดียวนะครับ หากแต่ Combination นี้ เกิดมาระยะนึงแล้ว และดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรสำเร็จระดับนึงในการปั้น "แบรนด์บุคคล" ให้มีความดังเปรี้ยงได้ไม่ยาก ยกตัวอย่างเช่น หนูรัตน์ พิมรี่พาย แอนนา-พี่จี้ หรือแม้กระทั่ง ศิตางค์ บัวทอง รวมถึงเพจเฟซบุคอย่าง "ไดโนเศร้า" ก็เป็น Combination นี้เช่นเดียวกันครับ
เอาเป็นว่า ใครที่อยากลองสร้างความเปรี้ยงปังแบบดีๆ เหมือนพระมหาเทวีเจ้า ก็ลองหยิบจับ Brand Archetypes คู่นี้มาเจอกันดูดีมั้ยครับ ไม่แน่ว่าสูตรสำเร็จนี้อาจจะใช้ได้กับคุณด้วยเหมือนกันครับผม
----------------------------------------------
PRACT - Presentation Academy Thailand
www.presentation-academy-thailand.com
www.facebook.com/powerpoint100lemgwean
No comments:
Post a Comment