ผิดมั้ย? ถ้าไม่มีเรื่องราวใหม่ให้ชีวิตในช่วง COVID - 19
แน่นอนว่า มันอาจจะฟังดูเหมือนสบาย มีเวลาเยอะขึ้น จากที่ต้องเดินทางก็ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องฝ่าฟันรถติด ไม่ต้องเดินฝ่าแดดไปกินกลางวัน ฯลฯ แต่เชื่อเถอะครับ สำหรับใครหลายคนมันไม่ได้สบายขนาดนั้น ด้วยสภาวะจิตใจที่มันไม่ปกติ การที่เราไม่สามารถไป "เจอ" ใครบางคนได้ บางคนบางความสัมพันธ์ต้องเปลี่ยนแปลงไป ความหดหู่ ห่อเหี่ยว เริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจชนิดที่บอกกับตัวเองว่า ถ้าวันไหนมันกลับมาปกติเดย์ "ทะเล.....-ึงเจอ-ู"
และในขณะเดียวกัน อาชีพ Life Coach ก็เป็นอีกตัวละครหนึ่งที่งอกเข้ามาพยายามจะบอกกับพวกเราว่า "เฮ้ย นี่ไง โอกาสมาแล้ว" มีเวลาตั้งเยอะ ทำโน่นทำนี่ได้ตั้งมาก อยากทำเพจก็ทำเลย อยากทำยูทูปก็ทำเลย อยากขายของก็ทำเลย นี่ไง!! ทำเลยเซ่".... และมีประโยคเด็ดที่ Hook ตรงมา ประมาณว่า "ถ้าหลังจากตรงนี้ไปแล้ว คุณไม่มีอะไรใหม่เลย นั่นไม่ใช่เรื่องภาวะวิกฤตินะ แต่เป็นเรื่องของวินัย"
ผ่าม พาม!!!!!
แล้ว.... เราจะผิดมั้ย?? ถ้าเราไม่มีเรื่องราวอะไรใหม่ให้ชีวิต ในช่วง "ภาวะวิกฤติ" แบบนี้??
มา.. นั่ง ผมจะเล่าให้ฟังด้วยหลักการ "เล่าเรื่อง" ก็แล้วกันครับ
เราทุกคนต่างเป็นตัวละครในเรื่องราวชีวิตของเรานั่นแหละ เราก็อยู่กันปกติดี แบบที่เรียกว่า Ordinary Day หรือ Ordinary World แล้วอยู่มาวันนึง "เปรี้ยง!!" มันเกิดมี Call-to-Action อันนึงปูดขึ้นมา นั่นคือ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" เอาสิ สมดุลเปลี่ยน ตัวละครตัวเดิมต้องมาสู่ "ฉาก" เดิม (คือบ้าน) แต่กลายเป็น ฟังก์ชั่นใหม่ คือต้องทำงาน
แต่... เราทุกคนมีความแตกต่างกันด้วยธรรมชาติอยู่แล้วครับ เหมือนตัวละครที่ถูกออกแบบมาให้ต่างกัน โดยถ้าจะแบ่งใหญ่ๆ ก็จะมีอยู่ 2 ค่าย คือ ตัวละครประเภท Introvert คือ โอเค ชอบการไม่ต้องพบปะผู้คน ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขดี รู้สึกได้รับพลังเวลาได้อยู่กับตัวเอง ในขณะเดียวกันตัวละครประเภท Extrovert จะตรงกันข้ามครับ เราจะหดหู่ อึดอัด รู้สึกเหี่ยวเฉาลงเรื่อยๆ เพราะตัวละครประเภทนี้มักจะได้รับพลังจากการไปพบปะผู้คน เปลี่ยนสถานที่ไป เจอผู้คนใหม่ๆต่างๆ อ่ะ...เอาเป็นว่า ไม่ว่าเราจะเป็นตัวละครแบบไหน เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้รอดตลอดรอดฝั่ง ซึ่งถ้าเทียบแล้ว ในเรื่องเล่าของเรา เราจะทำหน้าที่เป็น Hero ในเรื่องครับ (ที่ต้องเจอ Villain หรือ (ตัวร้าย)อุปสรรค หมายถึงสถานการณ์นี้แหละครับ)
ทีนี้... Life Coach เป็นใครในเรื่อง??
ถ้าเทียบจากการเล่าเรื่องแล้ว Life Coach ที่พยายามมากระตุ้นเราด้วยคำพูดเหล่านั้น จะทำหน้าที่เป็นบุคคลที่เราเรียกว่า Donor ครับ มักเป็นผู้ฝึกฝน สอน ให้ของวิเศษ ต่างๆ ด้วยความประสงค์ดี เพื่อให้ Hero ต่อสู้ไปให้ชนะจนได้ หรือมีชีวิตรอดไปจนจบเรื่อง (ถ้านึกไม่ออก ลองคิดถึงเรื่อง กังฟูแพนด้าก็ได้ครับ Donor คือ อาจารย์ Shifu นั่นแหละครับ)
Hero มีสิทธิ์ ปฏิเสธ Donor ได้ครับ!!
กำลังจะบอกว่า ไม่ใช่ทุกเรื่องครับ ที่ Hero จะพบกับสิ่งที่ตัวเองตามหาจาก Donor ซึ่งส่วนมากก็ไปเจอด้วยตัวเอง แนวทางของตัวเองทั้งนั้น ในวันที่ใช่ สถานที่ที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสมครับ กลับมาที่ความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกว่า เวลานี้สบายใจ และเหมาะสมกับการเกิดเรื่องราวใหม่ๆให้ชีวิต เจ เค โรลลิ่ง ได้ออกมาพูดในประเด็นนี้ ประมาณว่า สำหรับบางคนแล้ว การเพียงแค่ประคับประคองจิตใจตัวเองไม่ให้ห่อเหี่ยว หดหู่ ลงไปเรื่อยๆ ก็นับว่ายากแล้ว หรือแม้กระทั่ง หากจะคิดว่า "การผ่านช่วงนี้ไปได้ ด้วยการมีสติและจิตใจที่เป็นปกติได้ ก็คือเรื่องราวใหม่ในชีวิตแล้ว" ก็ยังได้เลยครับ
ผมคงบอกตรงนี้ว่า "ไม่ผิดหรอกครับ" ถ้าจบช่วงนี้ไปแล้ว คุณจะยังไม่มีเพจ ไม่ได้ขายออนไลน์ ไม่ได้มียูทูป ไม่ได้มีสกิลใหม่เพิ่ม ไม่ผิดอะไรเลยครับ เมื่อสถานการณ์เหมาะสม สภาวะจิตใจที่เหมาะสม บรรยากาศที่เหมาะสม การมีเรื่องราวใหม่ให้ชีวิตก็ค่อยเกิดช่วงนั้นก็ได้ครับ Hero ทุกคน มีเส้นเรื่องเป็นของตัวเองครับ หน้าที่ของเราในเรื่องตอนนี้คือ ประคองจิตใจให้ปกติที่สุด ไปถึงวันที่เรื่องราวคลี่คลาย และจบลงครับ เท่านี้ก็เท่ากับ Hero ชนะ Villain ได้แล้วล่ะครับ :)
"จงเริ่มเรื่องราวใหม่ ในวันที่ใจคุณอยากเริ่มครับ"
อย่าเริ่ม เพราะมีใครมาบอกให้คุณเริ่ม ไม่งั้นมันจะเป็นการเริ่มต้นที่คุณไม่มีความสุขเท่าที่ควรครับ
สู้ๆครับผม ผ่านไปด้วยกันครับ
-----------------------------------------------
คอนเท้นท์อื่นๆ คลิก
presentationacademythailand@gmail.com
powerpoint100lemgwean@gmail.com
No comments:
Post a Comment